1. ภูชี้ฟ้า เชียงราย
วนอุทยานภูชี้ฟ้า อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 เมตร มีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว มีหน้าผาสูงชัน เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษ ไฮไลต์สำคัญของการมาเที่ยวภูชี้ฟ้าคือการได้สัมผัสอากาศหนาวสบายและความสวยงามของทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า

2. ภูป่าเปาะ เลย
ภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย จุดเด่นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว ก็คือ การได้ขึ้นไปชมบรรยากาศบนจุดชมวิวที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร สามารถมองเห็นภูหอซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาสูง เป็นภูเขายอดตัดหรือภูเขายอดราบโดยเฉพาะช่วงที่มีทะเลหมอกปกคลุม นักท่องเที่ยวเรียกว่า คล้ายภูเขาไฟฟูจิยามาในประเทศญี่ปุ่น

3. ทะเลหมอกภูห้วยอีสัน หนองคาย
ทะเลหมอกสวย ไม่ได้มีให้ชมแค่ภาคเหนือเท่านั้น แต่ภาคอีสานก็มีให้ชมแบบอลังการเช่นกัน ทะเลหมอก ภูห้วยอีสัน ตั้งอยู่ใน ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เป็นจุดพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกได้แบบกว้างไกลสุดตา เบื้องล่างของทะเลหมอกภูห้วยอีสันสามารถมองเห็นเกาะแก่งของแม่น้ำโขงซึ่งหากวันใดที่สายหมอกบางเบาก็จะสามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์สีทองในยามเช้าสะท้อน ไปยังพื้นน้ำและเกาะแก่งได้ชัดเจน

4. ขุนแม่ยะ เชียงใหม่
ขุนแม่ยะ มหัศจรรย์แห่งขุนเขาดอยสีชมพู เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติตามช่วงฤดูกาลเมื่อเริ่มเข้าฤดูหนาว ของทุกปี ต้นซากุระ หรือนางพญาเสือโคร่ง ในบ้านเราก็จะทิ้งใบ และผลิดอกเบ่งบานเต็มต้นอย่างดงามโดยเฉพาะที่หน่วยต้นน้ำขุนแม่ยะจะมีลักษณะเป็นพิเศษที่มีการปลูกกันทั่วดอย หนาแน่น มีความสวยงามด้วยสีชมพูปกคลุมทั่วดอย จึงนิยมเรียกกันว่า “ดอยสีชมพู”

5.หมู่เกาะสิมิลัน พังงา
หมู่เกาะที่โดดเด่นด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสและหาดทรายขาวนวลละเอียดราวกับผงแป้ง หัวใจของสิมิลันคือ หินเรือใบที่โดดเด่นเผยแพร่ไปทั่วโลก จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสิมิลัน รวมทั้งแหล่งดำน้ำของหมู่เกาะแห่งนี้ยังชื่อได้ว่าละลานตาเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีจุดชมวิวลานข้าหลวง เป็นจุดชมวิวทางทะเลยในมุมสูงที่สสามารถเห็นวิวของหมู่เกาะสิมิลันได้ในมุมกว้าง

6.ผาช่อ เชียงใหม่
หน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตาคล้าย กับที่แพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ หรือละลุในจังหวัด สระแก้ว มีลักษณะที่เตี้ยกว่า ซึ่งต่างกับ ผาช่อ ซึ่งมีลักษณะเป็นกำแพงและเสาหิน ขนาดใหญ่ลวดลายแปลกตา มีขนาดสูงใหญ่ราว 30 เมตร เป็นบริเวณกว้างนับร้อยเมตร และยังพบรังผึ้งขนาดใหญ่อยู่ตามหน้าผา จำนวนมากสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่เข้าไปเที่ยวชม
7.ภูทอก บึงกาฬ
จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้าง บรรไดเวียน ไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มจากชั้น 1-7 จะมีบันไดไม้ให้ เดินแบบตรงทอดยาว จนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียน รอบเขา ซึ่งจะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไป

8.ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ
เมื่อฤดูหนาวเข้ามาเยือนเมืองแม่ฮ่องสอน ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอจะบานสะพรั่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามา เยือน และชมความงดงาม ของท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยสีเหลืองส้มปกคลุมเต็มเทือกเขา ทุ่งบัวตองอยู่ในเขต บ้านสุรินทร์ ต.ยวมน้อย อ.ขุนยวม มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณ ประมาณ 1,000 ไร่ และจะบานสะพรั่งในช่วงเดือน พฤศจิกายน

9.พระเจดีย์มหามิ่งมงคล ร้อยเอ็ด
มหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสม กันระหว่าง พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วย สีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ รวมยอดทองคำ ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือนอยู่บนวิมานแดนสวรรค์

10.น้ำตกแสงจันทร์ อุบลราชธานี
น้ำตกแสงจันทร์หรือน้ำตกลงรู หนึ่งเดียวในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ชื่อของน้ำตกเรียกตามลักษณะของสายน้ำที่ตกผ่านลงรูหิน ส่วนที่มาของชื่อน้ำตกแสงจันทร์นั้น เรียกตามสายธารน้ำตก ที่โปรยละออง ผ่านช่องหินลงมาเป็นสีขาวนวลคล้ายแสงจันทร์โดยเฉพาะในวันเพ็ญ ที่แสงจันทร์จะสาดส่องมาตรงรูหินพอดี พร้อมกับละอองของธารน้ำตก ที่โปรย ดูเป็นประกายสีนวลสวยงาม ซึ่งทั้งหมดนี้คือที่มาของชื่อและเสน่ห์ของน้ำตกแห่งนี้ ที่ยังคงเก็บความงามสงบประสานอย่างกลมเกลือนของธรรมชาติไว้อย่างน่าชประทับใจ
